Browse By

Tag Archives: พรีเมียร์ลีก

น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เตรียมพิจารณา ฌอน ไดช์

สถานการณ์ในถิ่นซิตี้ กราวด์กำลังกลับมาอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่ออีกครั้ง เมื่อมีรายงานว่า น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ สโมสรเก่าแก่แห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กำลังพิจารณาดึงตัว ฌอน ไดช์ อดีตผู้จัดการทีมเอฟเวอร์ตัน เข้ามารับตำแหน่งกุนซือคนใหม่ หากตัดสินใจแยกทางกับผู้จัดการทีมคนปัจจุบันที่กำลังอยู่ภายใต้แรงกดดันจากผลงานที่ไม่แน่นอนในช่วงต้นฤดูกาล ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ทำให้แฟนบอลและสื่ออังกฤษต่างจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะหากดีลนี้เกิดขึ้นจริง มันอาจเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของฟอเรสต์ทั้งในแง่แท็กติกและแนวทางการบริหารทีมในอนาคต น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เป็นหนึ่งในสโมสรที่มีประวัติศาสตร์ยิ่งใหญ่ที่สุดของอังกฤษ ทีมที่เคยคว้าแชมป์ยุโรปติดต่อกันในยุคทองของไบรอัน คลัฟ แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สโมสรต้องต่อสู้กับความไม่แน่นอน ทั้งในแง่ผลงานและความมั่นคงของผู้จัดการทีม การกลับมาสู่พรีเมียร์ลีกในปี 2022 ถือเป็นก้าวย่างสำคัญ แต่การรักษาสถานะในลีกสูงสุดยังคงเป็นโจทย์ที่ท้าทายอย่างยิ่งสำหรับพวกเขา ปัจจุบันผลงานของฟอเรสต์อยู่ในระดับที่แฟนบอลหลายคนมองว่าน่าผิดหวัง หลังจากเริ่มต้นฤดูกาลด้วยความคาดหวังว่าจะยกระดับทีมให้กลายเป็นขาประจำของพรีเมียร์ลีก แต่กลับต้องดิ้นรนหนีโซนตกชั้นอีกครั้ง ความกดดันเริ่มก่อตัวขึ้นในห้องประชุมบอร์ดบริหาร โดยเฉพาะหลังจากพ่ายในเกมสำคัญติดต่อกันหลายแมตช์ ทำให้กระแสข่าวเรื่องการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งผู้จัดการทีมเริ่มร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง ชื่อของ ฌอน ไดช์ ถูกยกขึ้นมาเป็นตัวเต็งทันทีในรายชื่อกุนซือที่บอร์ดบริหารให้ความสนใจ เนื่องจากเขามีประสบการณ์มากมายในพรีเมียร์ลีกและเป็นที่รู้จักดีในฐานะกุนซือที่เน้นความเป็นระเบียบในเกมรับ ความแข็งแกร่งทางแท็กติก และวินัยของนักเตะ สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ฟอเรสต์ต้องการอย่างยิ่งในเวลานี้ หลังจากที่ทีมเสียประตูจำนวนมากจากความผิดพลาดซ้ำซากในแนวหลัง ฌอน ไดช์

โอเล่ แวร์เนอร์ โล่งอกหลังสโมสรปล่อย ชาฟี ซีมอนส์

บรรยากาศในรั้วสโมสรแวร์เดอร์ เบรเมนเริ่มคลี่คลายลงหลังจากที่ โอเล่ แวร์เนอร์ ผู้จัดการทีมออกมาเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาว่า เขารู้สึก “โล่งอก” หลังจากที่สโมสรได้ตัดสินใจปล่อยตัว ชาฟี ซีมอนส์ มิดฟิลด์ดาวรุ่งชาวดัตช์ให้ย้ายไปค้าแข้งกับท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ในศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ซึ่งดีลดังกล่าวกลายเป็นหนึ่งในข่าวการย้ายทีมที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในตลาดนักเตะช่วงต้นฤดูกาล เพราะมันไม่เพียงสะท้อนถึงแนวทางการบริหารของเบรเมนที่มองไกลเกินผลระยะสั้น แต่ยังเป็นการปิดฉากความตึงเครียดที่สะสมภายในทีมมาตลอดหลายเดือน โอเล่ แวร์เนอร์ ให้สัมภาษณ์หลังการประกาศย้ายทีมของซีมอนส์ว่า “ผมเคารพในความสามารถของเขา เขาเป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์สูงมากและมีศักยภาพที่จะก้าวไปไกล แต่บางครั้งสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับสโมสรและตัวนักเตะเองก็คือการแยกทางกันในเวลาที่เหมาะสม และตอนนี้ผมรู้สึกโล่งอกจริง ๆ ที่เรื่องนี้ได้จบลงเสียที” คำพูดของกุนซือวัย 36 ปีรายนี้ชัดเจนและหนักแน่นพอที่จะทำให้แฟนบอลเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหลังความเคลื่อนไหวครั้งนี้ ตลอดหลายสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ซีมอนส์ตกเป็นข่าวอย่างต่อเนื่องว่าไม่พอใจกับบทบาทของตัวเองในทีม หลังจากที่ฤดูกาลก่อนเขาได้ลงสนามเพียง 18 นัดในบุนเดสลีกา และส่วนใหญ่เป็นการลงเล่นในฐานะตัวสำรอง แม้ว่าเจ้าตัวจะเป็นหนึ่งในนักเตะที่ถูกคาดหมายว่าจะกลายเป็นแกนหลักในอนาคต แต่ปัญหาความไม่ลงรอยทางแท็กติกและการปรับตัวเข้ากับระบบของแวร์เนอร์ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่เริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ สื่อเยอรมันบางสำนักถึงกับรายงานว่า ซีมอนส์เคยขอคุยกับผู้บริหารเพื่อหาทางออก และในที่สุดการย้ายทีมครั้งนี้ก็เกิดขึ้นหลังการเจรจาระหว่างสโมสรและท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์เสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว ค่าตัวของชาฟี ซีมอนส์อยู่ที่ประมาณ 25 ล้านยูโร พร้อมเงื่อนไขโบนัสเพิ่มเติมตามผลงาน

เจอร์ราร์ด ถอนตัวคุมเรนเจอร์สรอบสอง

ข่าวที่สร้างความฮือฮาและความผิดหวังให้กับแฟนบอลทีมเรนเจอร์สทั่วโลกได้ถูกยืนยันแล้ว เมื่อสตีเว่น เจอร์ราร์ด อดีตตำนานกัปตันทีมลิเวอร์พูล และอดีตกุนซือผู้พาเรนเจอร์สคว้าแชมป์ลีกสกอตแลนด์แบบไร้พ่ายในฤดูกาล 2020-2021 ได้ตัดสินใจ ถอนตัวจากการเจรจาเพื่อกลับมาคุมทีมเรนเจอร์สรอบสอง อย่างเป็นทางการ หลังจากมีกระแสข่าวแรงมาตลอดหลายสัปดาห์ว่าเขาเป็นตัวเต็งอันดับหนึ่งที่บอร์ดบริหารต้องการให้กลับมานั่งเก้าอี้นายใหญ่ที่สนามไอบร็อกซ์อีกครั้ง การปฏิเสธครั้งนี้จึงกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของทิศทางสโมสร และยังสะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของฟุตบอลยุคใหม่ที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความผูกพันหรืออดีตเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวพันกับปัจจัยด้านโครงสร้าง ทีมงาน และวิสัยทัศน์ในอนาคตที่ต้องสอดคล้องกันอย่างแท้จริง ย้อนกลับไปเมื่อปี 2018 สตีเว่น เจอร์ราร์ด เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมเรนเจอร์สในช่วงที่สโมสรยังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านหลังจากกลับขึ้นสู่ลีกสูงสุดได้ไม่นาน ภายใต้แรงกดดันจากการเป็นคู่แข่งโดยตรงกับเซลติกที่กำลังครองความยิ่งใหญ่มาอย่างยาวนาน เจอร์ราร์ดค่อย ๆ สร้างทีมขึ้นใหม่จากศูนย์ ด้วยสไตล์การคุมทีมที่เน้นระเบียบ วินัย และสปิริตแบบนักสู้ เขานำระบบการซ้อมและแนวคิดแบบพรีเมียร์ลีกเข้ามาผสมกับสไตล์ฟุตบอลสกอตติชดั้งเดิม จนสามารถเปลี่ยนเรนเจอร์สให้กลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งและมีเอกลักษณ์อีกครั้งในเวลาเพียงไม่กี่ปี ฤดูกาล 2020-2021 ถือเป็นจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์สโมสรยุคใหม่ เมื่อทีมของเจอร์ราร์ดสามารถคว้าแชมป์ลีกสกอตแลนด์ได้แบบไร้พ่าย ตัดตอนการครองแชมป์ 9 สมัยติดต่อกันของเซลติกลงอย่างสง่างาม นั่นทำให้เขากลายเป็นวีรบุรุษของแฟนบอลทั่วเมืองกลาสโกว์ และชื่อของเขาถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของสโมสรในฐานะผู้ที่นำเรนเจอร์สกลับสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง ความสัมพันธ์ระหว่างเจอร์ราร์ดกับแฟนบอลเรนเจอร์สจึงแน่นแฟ้นเป็นพิเศษ และนี่คือเหตุผลที่เมื่อมีข่าวว่าเขาอาจกลับมาคุมทีมอีกครั้ง ความตื่นเต้นและความหวังจึงเกิดขึ้นทันที อย่างไรก็ตาม หลังจากการเจรจาที่ดำเนินมาเกือบสองสัปดาห์ ล่าสุดแหล่งข่าวใกล้ชิดยืนยันว่า เจอร์ราร์ดได้แจ้งกับบอร์ดบริหารเรนเจอร์สว่าเขาจะไม่กลับมารับตำแหน่งผู้จัดการทีมในรอบนี้